รู้จักข้อดีของรถพลังงานไฟฟ้า

แน่นอนว่ารถพลังงานไฟฟ้ามีข้อดีมากมาย รถพลังงานไฟฟ้าไม่เป้นพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเช่นรถยนต์ทั่วไปที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศของโลกถึงปีละ 1,730 ล้านตัน

แทบไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันจำนวนรถยนต์ทั่วโลกจะมีมากถึง 1,200 ล้านคัน และคาดการณ์ได้ว่าภายในปี 2035 จะมีปริมาณการใช้รถยนต์สูงสุดถึง 2,000 ล้านคัน ลองคิดกันดูว่ารถจำนวนมหาศาลเหล่านี้จะสามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศของโลกถึงปีละ 1,730 ล้านตันต่อไป ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบได้จากการนำเอาถ่านหินมาใส่ตู้รถไฟที่เรียงต่อเป็นระยะทางถึง 2 ล้านกิโลเมตรแล้วเอามาทำให้เกิดการเผาไหม้ ซึ่งความยาวของรถไฟขนาดนี้จะเท่ากับวนรอบโลกได้ถึง 22 รอบ ได้ยินแค่นี้ก็รู้สึกใจหายแล้วใช่ไหมคะ ไม่อยากจะคิดว่าในอนาคตชั้นบรรยากาศโลกคงไม่เหลือให้เราหายใจอย่างแน่นอน

saving-electric-car

ซึ่งจากเหตุผลเหล่านี้ มนุษย์จึงได้ทำการคิดค้นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือ “อิเล็กทริก เวฮิเคิล” ขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเช่น น้ำมันเบนซิน และดีเซลแล้ว ยังจะสามารถช่วยให้สภาวะแวดล้อมของโลกเปลี่ยนไปในแนวโน้มที่ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 47 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลา 15 ปีอีกด้วยคะ

saving-electric car

และที่เหนือกว่าสิ่งอี่นใดยังช่วยให้ผู้ที่ใช้รถยนต์สามารถประหยัดเงินได้ถึง 1,000 ปอนด์ หรือราว 45,000 บาทต่อปี นับว่าเป็นข่าวดีไม่น้อย เพราะทุกวันนี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีแต่จะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติก็เริ่มที่จะเหลือน้อยลง ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของสหราชอาณาจักรได้ทดสอบเพิ่มจำนวนการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ลดการนำเข้าน้ำมันดิบลงได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก

นอกจากนั้นแล้วมีผู้ที่ได้ทดลองขับขี่รถพลังงานไฟฟ้าต่างชื่นชอบและติดใจ โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราการเร่ง เนื่องจากรถไฟฟ้าให้แรงบิดได้ทันใจแทบจะในทันทีที่ออกแรงเร่ง ไม่จำเป็นที่จะต้องรอรอบเครื่องเหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื่อเพลิงในการสันดาป ทำให้ช่วงเวลาที่ออกตัวเร่ง ทำได้รวดเร็ว และยังให้ความรู้สึก “เบา” และ “ปราดเปรียว” กว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ถึงแม้ทุกวันนี้การใช้รถยนต์พลังไฟฟ้ายังไม่แพร่หลายมากนัก ด้วยสาเหตุสำคัญคือ ผู้ขับขี่รู้สึกกังวลถ้าเกิดว่าแบตเตอรี่หมด แล้วจะหาปั้มในการชาร์จไฟไม่ได้ เพราะปัจจุบันสถานีสำหรับชาร์จปะจุไฟฟ้ายังมีรองรับไม่มาก และจากราคาของตัวรถที่ค่อนข้างสูงทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอาจจะต้องคิดคำนวณถึงความคุ้มค่าเสียก่อน แต่เชื่อได้ว่าในอีกไม่นานจะต้องมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และภาครัฐเองก็เริ่มที่จะหันมาสนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น ประเทศนอร์เวย์ที่มีบริการให้ชาร์จไฟฟ้า และให้ที่จอดรถฟรีด้วยคะ