รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ลดมลพิษ ทางเลือกใหม่ที่น่าจับตามอง

ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในประเทศของเราในเวลานี้โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ทำให้หลายๆคนเริ่มหันมามองรถยนต์ไฟฟ้ากันไม่มากก็น้อย จขกท.เป็นคนนึงที่สนใจในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า และติดตามสถานการณ์มาตลอด โดยตั้งใจว่าถ้าทุกอย่างพร้อมไม่ว่าจะสถานีชาร์จไฟ และตัวรถ รวมถึงความนิยมในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอะไหล่เพียงพอต่อการซ่อมบำรุงก็มีความคิดอยากจะซื้อสักคันมาใช้ แต่ถ้าใครกำลังอยู่ในช่วงศึกษาหาข้อมูล วันนี้ จขกท.มีข้อมูลเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าที่ศึกษามาจากหลายๆที่มาเสนอ มาลองศึกษาดู เพราะรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกที่ดีมากในอนาคตแน่นอน

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric car) เป็นรถยนต์ประเภทหนึ่งที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งพลังงานไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทั้งหมดของรถยนต์ประเภทนี้จะถูกเก็บอยู่ใน แบตเตอรี่ และเนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถให้แรงบิด ได้แทบจะทันที ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีอัตราเร่งที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว อีกสิ่งที่สำคัญคือรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปลดปล่อยมลพิษ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับอนาคตข้างหน้า

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แบ่งตามรูปแบบของการใช้พลังงานเป็น 2 ประเภทคือ Plug-in Hybrid ที่มีทั้งเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ (ใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า) และ ที่เป็นแบตเตอรี่ล้วนที่ไม่มีเครื่องยนต์ (ใช้ไฟฟ้า 100% ) โดยรถต้องชาร์จไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์ชาร์จ โดยในปัจจุบันมีอยู่ 3 รูปแบบที่ใช้งานกันอยู่คือ

แท่นชาร์จแบบ Wall Charger ซึ่งต้องติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ และเป็นการติดตั้งแบบตายตัว ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ข้อดีคือ สามารถชาร์จได้เร็ว เพราะมาจากแหล่งพลังงานโดยตรง ตอนนี้พบเห็นได้มากในลานจอดรถห้างสรรพสินค้า โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ และสถานีบริการน้ำมันบางแห่ง

การชาร์จแบบสายแปลง Adapter (Portable Charger) ที่จะมีหัวปลั๊กไปแบบ 3ขามาตรฐานของประเทศไทย ซึ่งข้อดีก็คือ สามารถชาร์จที่ไหนก็ได้ สะดวกตอบโจทย์ชีวิต Mobility ของคนยุคใหม่ แต่จุดที่เสียบชาร์จต้องพลังงานมากพอ จุดสังเกตง่ายๆ ก็คือ ระบบไฟฟ้าต้องสามารถรองรับการใช้งานแอร์คอนดิชั่นเนอร์ได้เป็นอย่างดี

การชาร์จผ่านตู้ชาร์จเร็ว DC (DC Fast Charger หรือ DC Quick Charger) ข้อดีของตู้นี้คือ การที่มีกำลังไฟสูงมากกว่า 350กิโลวัตต์ ทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วมาก อาจจะใช้เวลาเพียง 30นาที – 1ชั่วโมงเท่านั้น ยกตัวอย่าง เช่น Nissan Leaf แบตเตอรี่สามารถรับไฟได้สูงสุดที่6.6 kW/h โดย Nissan Leaf รุ่นที่มีขนาดแบต24 kWh จะใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 4ชั่วโมง หรือ 5ชั่วโมงสำหรับ Leaf ที่ใช้ แบตเตอรี่ 30kWh แต่หากชาร์จในรูปแบบ DC Fast Charge จะใช้เวลาราว 25นาทีส่วนหัวชาร์จมี 2 Type ซึ่งในประเทศไทยมีทั้ง 2แบบนั้นก็คือ

Type 1เป็นหัวชาร์จที่สามารถรองรับกำลังไฟได้ 32 A, 250 V. นิยมใช้กันมากในฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น

Type 2หัวชาร์จที่ผ่านการปรับปรุงให้รองรับกำลังไฟได้มากกว่าเดิม โดยเฟสแรก สามารถรองรับไฟได้ 70 A, 250 V. แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก สามารถรองรับไฟได้ 63 A, 480 V. เป็นที่นิยมใช้กันมาในยุโรปและประเทศจีน

โดยสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนี่บอกได้เลยว่ามีคนสนใจค่อนข้างสูงมาก โดยฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน เปิดเผยว่าหลักๆมีแรงจูงใจเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ประหยัดเป็น และยิ่งถ้าภาครัฐมาร่วมสนับสนุนเรื่องการยกเว้นภาษีจะทำให้เพิ่มแรงจูงใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก

ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองของ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในส่วนของระยะทางต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ราวๆ 2 – 4 ร้อยกิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ใกล้เคียงกับก๊าซ NGV คือ 0.30 – 0.80 สตางค์ / กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพจราจร และพฤติกรรมในการขับขี่ของผู้ขับ ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน

จากข้อมูลทั้งหมด จขกท คิดว่าในเวลาไม่เกิน 3 – 5 ปี รถยนต์ไฟฟ้าต้องเป็นที่นิยมอย่างมากแน่นอน คืออย่างที่ทราบเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ถูกกว่ารถยนต์น้ำมันเป็นอย่างมากแล้ว และถ้าภาครัฐฯเข้ามาร่วมสนับสนุน รับรองได้เลยว่ารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอาจถึงขั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยทีเดียว ซึ่ง จขกท รับรองว่า จขกท จะเป็นหนึ่งคนที่จะสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน